Porsche (ปอร์เช่) ได้เริ่มทำการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ในชิลี โดยมีเป้าหมายว่าจะสามารถผลิตได้มากถึง 130,000 ลิตรต่อปี
โดยน้ำมันสังเคราะห์เหล่านี้ เคลมว่าเกือบจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และสามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์สันดาปแบบไม่ต้องปรับจูน ซึ่งในช่วงแรกจะให้ทางรถแข่งของ Porsche Experience Centres และ Mobil 1 Supercup ทดลองใช้ไปก่อน
ผู้บริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนา Michael Steiner กล่าวว่า “ศักยภาพของ e-fuel นั้นใหญ่มาก ปัจจุบันมันมีรถเครื่องยนต์สันดาปกว่า 1.3 พันล้านคันในโลก รถเหล่านี้จะยังคงอยู่บนถนนไปอีกหลาย 10 ปี และ e-fuel จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเจ้าของรถที่อยากให้รถยังมีความเป็นกลางทางคาร์บอน”
ก่อนหน้านี้ทางบริษัทเองก็เคยออกมาประกาศความร่วมมือกับบริษัทด้านพลังงานอย่าง Siemens Energy, AME, Enel และบริษัทพลังงานปิโตรเลียมในชิลีคือ ENAP เพื่อเริ่มสร้างโรงงานสำหรับการผลิตน้ำมันสังเคราะห์นี้
ในขั้นตอนแรกมีการตั้งชื่อไว้ว่า Haru Oni จะใช้พื้นที่ทางใต้ของชิลีที่เหมาะสมต่อการผลิตน้ำมันสังเคราะห์จากคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ พร้อมใช้พลังงานลมในการช่วย
Volkswagen Group และ Porsche CEO Oliver Blume กล่าวถึงแรงจูงใจในโครงการนี้ไว้ว่า “ข้อดีของมันสิ่งหนึ่งก็คือความง่ายในการใช้งาน เพราะ e-fuel สามารถใช้ได้กับทั้งรถยนต์สันดาปและ PHEV และสามารถใช้เครือข่ายสถานีน้ำมันที่มีอยู่แล้ว”
“ไอเดียหลักเกี่ยวกับ e-fuel นี้คือมันไม่จำเปลี่ยนอะไรในเครื่องยนต์เลย ไม่เหมือนกับ e10 หรือ e20 ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้” “มันไม่ส่งผลต่อสมรรถนะ บางคันก็อาจช่วยเพิ่มแรงม้าด้วย”
ในขณะเดียวกันที่ Porsche กำลังลงทุนไปกับการทำรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนัก การทำน้ำมันสังเคราะห์จะช่วยลดการปล่อยมลพิษของรถในปัจจุบันได้ รวมถึงยืดอายุให้กับ 911 ไปได้อีกหลายปี
ประโยชน์อื่น ๆ ก็คือมันมีส่วนผสมเพียง 8-10 สิ่งเท่านั้น ในขณะที่น้ำมันปัจจุบันมีอยู่ 30-40 สิ่ง
เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงสังเคราะห์ มันจึงไม่มีของเสียจากการผลิต ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่สะอาดกว่า และทุกอย่างส่งผลดีต่อเครื่องยนต์”
Source: Porsche นำร่องพัฒนาน้ำมันรถยนต์สังเคราะห์ หวังเป็นทางออกยั่งยืนให้กับรถแข่ง