วิจัยเผย อุบัติเหตุที่ถึงแก่ชีวิตกว่า 50 % นั้นเกี่ยวข้องกับยาและแอลกอฮอล์

  • แบ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท สารกระตุ้นประสาท
  • ผู้วิจัยเตือนว่า งานวิจัยอาจยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

จากการศึกษาล่าสุดของสำนักงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NHTSA พบว่า มากกกว่าครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุที่ร้ายแรงนั้นมีสาเหตุมาจากสารที่ส่งผลถึงระบบประสาทอย่างเช่น แอลกอฮอล์หรือยา

งานวิจัยนี้ดำเนินการโดย NHTSA และนักวิจัยจากข้างนอก โดยเก็บข้อมูลจากผู้ใช้รถใช้ถนน 7,279 ราย คัดเลือกจากศูนย์การบาดเจ็บระดับ 1 ทั้งหมดเจ็ดแห่ง หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิตจากอุบัติเหตุ

กลุ่มพิษวิทยาพบว่า 55.8% ของอาสาสมัครได้ทดสอบสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทในระบบของพวกเขาได้ผลเป็นบวก ส่วน 19.9% ตรวจพบว่าเจอสารเหล่านี้ถึงสองชนิดหรือมากกว่า และหากในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุที่ถึงแก่ชีวิตตัวเลขเหล่านี้จะพุ่งขึ้นถึง 32%

ตารางผลการศึกษาของสารที่มีผลต่อประสาททั้งหมดที่พบ

สารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท

สารที่พบมากที่สุดคือ THC cannabinoids ซึ่งเป็นสารที่ส่งผลต่อประสาทที่พบมากในกัญชา ซึ่งพบถึง 25.1% จากผู้ที่สำรวจ แอลกอฮอล์มาในอันดับที่สองที่ 23.1% โดยผู้สำรวจเกือบ 20% นั้นมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.08% ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตามรายงานของ The Associated Press

หมายเหตุว่าแอลกอฮอล์สามารถตรวจพบในเลือดได้นานเพียงครึ่งเดียวของ THC cannabinoids โดยอยู่ในเลือดได้นานเพียง 6 ชม.

สารกระตุ้นประสาท

การวิจัยยังพบว่า 10.8% ของอาสาสมัครตรวจพบสารที่กระตุ้นประสาทเป็นบวก (ซึ่งไม่ใช่คาเฟอีน) ขณะที่ลำดับถัดมาคือ opioids ที่ 9.3% นอกจากนี้ยังตรวจพบยาชนิดอื่น ๆ เช่น ยากล่อมประสาท ยาระงับประสาท ยาที่จำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา และยาอื่น ๆ ในสัดส่วนที่ลดหลั่นกันไป

ชนิดของสารที่มีนั้นเกี่ยวข้องกับอายุและเพศของอาสาสมัครที่ศึกษา รวมถึงเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่เกิดการชนของแต่ละสัปดาห์อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : รถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯ คนเมาอาจจะขับไม่ได้แล้ว

งานวิจัยอาจยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

แม้ว่า Amy Berning นักจิตวิทยาการวิจัยของ NHTSA จะชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการขับขี่ที่บกพร่อง ซึ่งเขาเรียกว่า “ข้อกังวล” เขาจึงให้คำแนะนำว่าอย่าเพิ่งเชื่อผลการศึกษามากจนเกินไปนัก และเตือนว่าข้อมูลนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของทั้งประเทศ และกลุ่มตัวอย่างได้รับการทดสอบเพื่อหาการมีอยู่ของยาบางชนิดเท่านั้น ไม่ได้บ่งบอกถึงระดับที่ทำให้เกิดความบกพร่องต่าง ๆ

ยาบางชนิดอาจตกค้างในร่างกายได้หลายวัน

ยาหลายชนิดในงานวิจัยนี้ เช่น methylphenidate สามารถตกค้างในร่างกายได้หลายวัน แม้จะหยุดการใช้มาเป็นสัปดาห์ การศึกษายังรวมถึงข้อมูลจากผู้ขี่จักรยานและคนเดินถนนที่ได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะไม่ได้ควบคุมตัวแปรในเรื่องของลักษณะของถนนหรือแยกที่เกิดการชนขึ้น ซึ่งจะส่งผลถึงความรุนแรงในการชน ตามรายงานของ BMJ Journal

อย่างไรก็ตาม 937 คนในเดือนธันวาคม 2020 ที่เสียชีวิตจากการชน นั้นเกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่ที่บกพร่อง งานวิจัยนี้จึงเป็นการย้ำเตือนที่ดีให้เรามีสติบนท้องถนนต้อนรับการหยุดยาวครั้งนี้

อ่านเพิ่มเติม : เอาด้วยไหม? หากรถใหม่ป้ายแดงจะต้องมีเซนเซอร์ตรวจจับแอลกอฮอลล์ทุกคัน

Source: วิจัยเผย อุบัติเหตุที่ถึงแก่ชีวิตกว่า 50 % นั้นเกี่ยวข้องกับยาและแอลกอฮอล์

Leave a Reply

Your email address will not be published.

WelfulloutDoors.com